ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.malaeng.com

 

กำมะถัน ปกติเป็นสารที่เป็นผลึก ใช้ในอุตสาหกรรม ยางรถยนต์ก็ใช้ ในสาธารณสุข เป็นยา และในการเกษตร เป็นทั้งสารกำจัดเชื้อราแป้ง อาหารเสริม สารกำจัดไรศัตรูพืชฯลฯ สารกำมะถันไม่สามารถละลายได้ในน้ำ แม้จะบดเป็นผงละเอียด

 

แต่ลองดูใหม่โดยเอาน้ำสบู่คลุกในกำมะถันผง แล้วเทลงในน้ำดู จะพบว่ากำมะถันแขวนลอยอยู่ในใน้ได้ หรือละลายน้ำได้ จะเห็นได้ว่าคนเฒ่าคนแก่มักแนะนำให้เอากำมะถันทารักษาโรคผิวหนัง หรือโรคขี้กรากในสุนัขก็ยังใช้ได้ แต่การที่กำมะถันจะจับติดผิวหนังได้ก็ต้องใช้สารบางอย่าง เพื่อเปลี่ยนคุณสมบัติของธาตุที่กล่าวนี้

 

ทีนี้คงเข้าใจแล้วนะครับว่ากำมะถันก้อนหรือแท่งจะยังนำมาใช้ประโยชน์ในทาง เกษตรไม่ได้ อย่างไรก็ตาม กำมะถันที่ทำจากการระเหิดเป็นไอที่ความร้อนสูง กว่า 444 องศาเซลเซียส ผ่านท่อไปพ่นลงในห้องเก็บโดยอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว กำมะถันจะเปลี่ยนเป็นผงละเอียดมากที่เรียกว่า flower of sulfur เล็กกว่าการบดมาก

 

ในยุโรปมีการนำไปใช้พ่นในไร่องุ่นแบบพ่นผงเพื่อใช้ในการป้องกันกำจัดศัตรู องุ่นโรคราแป้ง และไรแดงได้ แต่ในเมืองร้อนเช่นไทยไม่นิยม เพราะกำมะถันเป็นธาตุที่ร้อนการปลดปล่อยพลังงาน (ไอ - การกำจัดไรแดงมักออกฤทธิ์ แบบไอ-vapour) จะเป็นอันตรายทำให้ใบไหม้ได้ในที่ที่มีอากาศร้อน

 

กำมะถันเป็นของแข็ง แต่จะละลายเป็นของเหลวที่ Sulfur has a melting point of 112.8°C - 119.0°C  (liquid phase) และเป็นไอที่ boiling point of 444. 7°C (vapour)

ทราบไหมว่ากำมะถันสูตรเม็ดละลายน้ำ WG นั้นผลิตจากกำมะถันในขณะที่เป็นของเหลว (liquid phase) มีการปรุงแต่งสารบางอย่างเพื่อช่วยในการละลาย (susspensi on) จับใบ (sticker & spreader) เป็นต้น จะทำให้สารประผสมสามารถลดอุณหภูมิต่ำลงเย็นลงขนาดเอามือจุมลงไปดูได้โดยที่ยังเป็นของเหลว

 

จากนั้นจะถูกดูดไปพ่นในหอคอยสำหรับผลิตที่เป็นสูญญากาศเป็นละอองเล็กๆ เมื่อลอยลงมาก็จะแห้งเป็นเม็ดเล็กๆ จากนั้นก็ผ่านไปบรรจุเพื่อนำมาขายได้ ส่วนกำมะถันผง จะผลิตจากกำมะถันแห้งที่เป็นผงแล้ว (solid phase) มีการปรุงแต่งก่อนการบรรจุเพื่อส่งออกมาจำหน่าย ดังนั้นกำมะถันสูตรต่างกันก็ย่อมมีคุณสมบัติในการละลาย การแขวนลอยในน้ำ ขนาดของเนื้อสารเมื่อแขวนลอยในน้ำแตกต่างกัน

กำมะถันชนิดเม็ดละลายน้ำ (WG) มีการละลายน้ำที่ดีกว่าชนิดผง (WP)  ทั้งสองสูตรมีคุณสมบัติในการป้องกันกำจัดเชื้อราบางชนิดใช้เป็นสารกำจัดไร เป็นธาตุอาหารรอง และสารปรับปรุงดิน เป็นต้น

 

พอสรุปประโยชน์และการใช้ได้ดังนี้ 

     
1. ใช้ในการป้องกันกำจัดเชื้อราแป้ง (powdery mildew) และใบจุด และราสนิม ในพริก ถั่วฝักยาว ไม้ดอกไม้ประดับ พืชไร่ และ ไม้ผล เช่นในเงาะ ส้ม มะขามหวาน และมีการใช้กันอย่างกว้างขวางในองุ่นที่ปลูกในยุโรป                       
2. มีส่วนช่วยในการป้องกันกำจัดไรขาวพริก ในพริก และถั่วฝักยาว ไรแดงแอฟริกัน ไรเหลืองส้ม ไรสนิมในส้ม และทุเรียน ไร กำมะหยี่ในลิ้นจี่ และไรกระเทียมที่มักติดมากับหัวกระเทียมที่ปลูก

3. ใช้เป็นธาตุอาหารเสริมในไม้ผล ผัก พืชไร่ ไม้ดอกและไม้ประดับ เป็นต้น กำมะถันยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสง ซึ่งมีส่วนทำให้ผลผลิตสูงขึ้น

4. ใช้ปรับปรุงดินในนาข้าว มีการใช้ในปริมาณมากในประเทศบังคลาเทศ ซึ่งนอกจากการมีปริมาณกำมะถันในดินต่ำแล้วจากการศึกษาพบว่าการดูดซึมธาตุ อาหารหลักดีขึ้นเมื่อมีการใช้กำมะถันฉีดพ่นเพื่อเป็นตัวช่วย ทำให้ธาตุอาหารหลักถูกปลดปล่อย และนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น (ยืนยันจากงานทดลองและรับรองจากทางราชการของบังคลาเทศ) ทำให้ผลผลิตข้าวสูงขึ้น

5. การใช้พ่นในสวนส้มหลังจากการตัดแต่งกิ่ง พ่นล้างต้น เพื่อช่วยกำจัดสปอร์ของเชื้อราที่ตกค้างอยู่ในสวน ช่วยให้ปัญหาของโรคราน้อยลง ในฤดูปลูกถัดไป

6. สารกำมะถันที่ฉีดพ่นในไม้ผลที่กำลังติดลูกประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนการเก็บเกี่ยว เช่นลำไย ละมุด พุทรา และแอปเปิล ช่วยทำให้ผิวของผลไม้ที่เก็บเกี่ยวสวยงาม ขายได้ราคาดีขึ้น และมีส่วนช่วยให้เก็บรักษาผลไม้ได้นานขึ้น

โรคราแป้งในพืชหลายชนิด รวมทั้งส้ม สามารถใช้สารกำมะถันผสมน้ำฉีดพ่นได้