ReadyPlanet.com


กลับคำ เล่าเรื่องทำ IF (Fasting)


เกี่ยวกับการควบคุมอาหารแบบ IF (Intermittent Fasting) บ้างก็เรียกกันย่อ ๆ ว่า Fasting ที่ก่อนหน้านี้เคยเขียนบทความเรื่อง “ผมไม่ทำ IF อีกด้านของการมองเรื่องนี้” โดยรวมในตอนนั้นคือ (ส่วนตัว) ไม่เห็นความจำเป็นต้องทำ เหตุเพราะ ดูแลสุขภาพ การกิน และออกกำลังกายอยู่แล้ว

แล้วทำไมเปลี่ยนใจ?

ด้วยความบังเอิญ ได้อ่านหนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” โดย นพ.โยะชิโนะริ นะงุโมะ (Yoshinori Nagumo) ที่ไม่ได้เขียนเรื่อง IF ตรง ๆ แต่แนวคิดของคุณหมอมีความเชื่อมโยงคล้ายกัน ต่อมาก็ยังได้อ่านบทความเกี่บวกับ นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น อ.โยะชิโนะริ โอซูมิ (Yoshinori Ohsumi) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขากายวิภาคศาสตร์หรือแพทยศาสตร์ (the Nobel Prize in Physiology or Medicine) ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเซลล์ และกล่าวถึงกระบวนการ autophagy (ที่ไม่รู้แปลไทยว่าอย่างไร) แต่อธิบายย่อได้ว่าเป็นกระบวนการกลืนกินเซลล์เก่า เพื่อให้ร่างกายสร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งย่อมหมายถึงทำให้อวัยวะต่าง ๆ ฟื้นฟู อารมณ์ว่าสดใหม่กว่า ช่วยการชะลออายุของร่างกายนั่นเอง ช่างบังเอิญที่สองท่านชื่อเหมือนกันและเป็นจุดเริ่มต้น

ป้องกันดีกว่ารักษา

พอหาข้อมูลมากขึ้นจึงทำให้ยิ่งสนใจ การที่ทุกวันนี้พยายามดูแลสุขภาพร่างกายนั้น ไม่ได้คาดหวังเลยว่า จะไม่เกิดอะไรขึ้น เพียงแต่พบว่าการไม่ดูแลตัวเอง นอกจากเหมือนไม่รักตัวเองแล้ว ในยามที่เราป่วย เราเจ็บ คนรอบตัวเราก็เดือดร้อนไปด้วย ไปเป็นภาระเขาได้ และที่สุดแล้วก็เหมือนหลายเรื่อง ป้องกันดีกว่ารักษา ซึ่งผลลัพธ์มันต่างกัน คนเราอย่างไรก็ต้องป่วยบ้าง แต่ถ้าดูแลไว้ ก็ไม่ต้องป่วยบ่อย ไม่ต้องเจ็บบ่อย โดยเรื่องของ autophagy ยังมีประโยชน์ที่ “ป่วยก็อาจหายเร็วขึ้น” เพราะร่างกายฟื้นฟูได้ดีกว่าปกตินั่นเอง

คำชี้แจงเบื้องต้น

บทความนี้มีเนื้อหาหลายมิติ ซึ่งชี้แจงก่อนด้วยว่า ผมไม่ใช่ผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญเรื่อง IF ที่เขียนอยู่นี้เป็นเพียงการแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้รับจากการปฏิบัติจริงเท่านั้น เดิมทีตั้งใจว่าจะทดลอง 3 เดือนแล้วมาเขียนเล่าให้ฟัง แต่ผ่านไปยังไม่ได้เขียนเสียทีจึงล่วงเลยมา 4 เดือนจะ 5 เดือนไปแล้ว (ตอนที่เขียนต้นฉบับ) ซึ่งกระบวนการทำ IF ของผมก็ไม่อยู่ในรูปแบบคงที่มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพการณ์ ซึ่งจะเล่าให้ฟังต่อไป

แต่ประการหนึ่งอยากย้ำเตือนคือ เท่าที่ทราบการทำ IF อาจไม่เหมาะกับทุกคน เหมือน ๆ หลายเรื่องแม้จะดีต่อคนส่วนมาก เช่นการดื่มนมวัว มีประโยชน์ แต่บางคนก็แพ้ การทำ IF ก็ไม่ได้บอกว่าจะแพ้อะไร แต่อาจมีผลข้างเคียงไม่เหมาะสมกับบางคนได้ ต้องสังเกตตัวเองด้วยหากเข้ากระบวนการแล้ว อย่าฝืน ผู้ป่วยหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์

ประการต่อมา ผลที่ผมได้จากการทำ IF มีทั้งข้อดี และ ข้อเสีย แต่พึงเข้าใจว่าปัจจัยหลายด้านคนเราต่างกันข้อเสียของผมอาจไม่เกิดกับท่าน หรืออาจกลายเป็นข้อดีของท่านก็ได้

อีกเรื่องคือ แม้ที่จะเขียนเล่าสู่ต่อไปนี้ อาจมีเรื่องการลดน้ำหนัก แต่อยากให้เข้าใจว่า เหตุผลหลักการทำของผมไม่ใช่เพื่อลดน้ำหนัก เพราะปัจจุบันอยากเพิ่มน้ำหนักด้วยซ้ำไป.. ดังนั้นถ้าหากท่านผ่านมาอ่านด้วยความสนใจเรื่องนี้ในการลดน้ำหนักก็มีอยู่บ้าง แต่อาจมีข้อมูลให้ไม่มากนัก

ผลที่ได้รับจากการทำ IF

เพื่อให้ท่านที่สนใจและกำลังตัดสินใจ หรือเห็นภาพชัดเจน ก็อาจควรทราบว่าในตอนที่เริ่มทำ IF นี้ ผมอายุ 42 สูง 169 หนัก 55-56[1] นอกจากนี้ผมยังเป็นคนออกกำลังกายด้วยการวิ่งโซน 2[2] วันละ 1 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 3 วัน และ วิ่งปกติ ประมาณ 10+ กิโล สัปดาห์ละ 1 วัน พูดง่าย ๆ คือ ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำด้วย
(*อ่านคำอธิบาย หรือหมายเหตุได้ที่ด้านท้ายบทความ)

โดยผลลัพธ์หลังจากทำ IF มา 4-5 เดือนนี้มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ซึ่งขอย้ำอีกทีว่า ข้อดีข้อเสียเหล่านี้ของเราอาจแตกต่างกัน ซึ่งผมจะไล่เรียงให้ฟังไปทีละเรื่องต่อไปนี้

ข้อดี – ร่างกายฟื้นฟูดีขึ้น

หลังจากทำ IF หรือ fasting ไปราว 1 เดือน สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ชัดคือสภาพร่างกายเริ่มฟื้นฟูดีขึ้นจริง ที่สังเกตตัวเองได้เพราะผมเคยเป็นออฟฟิสซินโดรมหนักหนามาก่อน กล่าวคือหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท นั่งไม่ได้อยู่พักหนึ่ง ดีที่แค่ทำกายภาพไม่ต้องถึงกับผ่าตัด แต่กระนั้นเวลาที่ต้องขับรถทางไกล หรือแค่นอนเตียงที่ไม่เหมาะสม หนุนหมอนสูงไป ก็ปวดหลัง บ่า ไหล่ เป็นประจำ แรก ๆ ก็ถามตัวเองว่าอุปทานคิดไปเองไหม จนมีวันหนึ่งนอนตกหมอน ปกติเป็นอาทิตย์จึงหายปวด แต่ครั้งนี้เพียงแค่ 2 วัน รู้สึกหายไวจนตกใจ

ทั้งยังอาการภูมิแพ้อากาศที่เป็นอยู่เนือง ๆ และการปวดเมื่อยจากการวิ่งออกกำลัง ทุกอย่างดูไม่ค่อยส่งผลข้ามวันเหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามสิ่งที่บอกเป็นเพียงอาการบางอย่างอาจเกิดเฉพาะบุคคล หรือ placebo effect[3] ก็ได้

อีกสิ่งที่สัมผัสได้ คือเรื่องการวิ่ง ปกติไม่ใช่คนวิ่งเก่งอะไร แต่สถิติต่าง ๆ ของตัวเองดีขึ้นจริง รวม ๆ รู้สึกร่างกายดีขึ้น ทั้งหมดนี่จากการที่ได้สังเกตตัวเอง

ข้อดี – ไขมันลดลง

ข้อนี้ก็สำคัญ ส่วนตัวเคยลดน้ำหนักอยากสมส่วน (lean) แต่ผลคือ ลีบ-ผอม มาก ๆ มาก่อน อยากไล่ไขมันแต่ผิดวิธีไล่กล้ามเนื้อออกไปด้วย แต่จากการทำ IF สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือไขมันหน้าท้องลดลงชัดเจนกล้ามท้อง six pack มาเบา ๆ ซึ่งผมได้อธิบายที่หมายเหตุด้านท้ายไปแล้วเรื่องรูปร่าง ส่วนหนึ่งคงอยู่ที่อาหารการกินประกอบด้วย ซึ่งได้อธิบายไว้ในหัวข้อ วิธีการทำ IF ของผม ในหัวข้อต่อ ๆ ไป

ข้อดี – มีเวลามากขึ้น

การงดมื้ออาหารออกไปคือการซื้อเวลาคืนได้พอสมควร ยิ่งเป็นมื้อเย็น ที่คงเหมือนกันหลายคนคือเราจะสรรหาอะไรกินมากกว่าปกติ จะใช้เวลาในการหา คิด และกินนานกว่าปกติ ทำให้เอาเวลาส่วนนี้ทำอย่างอื่นได้อย่างดี อย่างน้อยก็ 1-2 ชั่วโมง แรก ๆ ในห้วงความคิดเราอาจกลายเป็นไม่มีสมาธิ เพราะหิว แต่พอปรับตัวได้ เราก็ไม่ต้องมาคอยหิว สมองเราก็โปร่งไม่ต้องคิดกังวลเรื่องกิน..

ข้อดีและเสีย – กระฉับกระเฉงตื่นตัว

ส่วนต่อไปที่ต้องเขียนว่า ข้อดีและเสียในที่นี้อาจเป็นข้อดีของคนอื่นแต่เป็นข้อเสียของผม หรือในทางกลับกัน แต่บางเรื่องก็อาจมีดีมีเสียอยู่ในเรื่องเดียวกันก็ได้ ดังเช่น ข้อนี้ การทำ IF ทำให้เราค่อนข้างปลอดโปร่งทั้งกายและความคิด (แต่มีหลายองค์ความรู้กล่าวว่าจริง ๆ มาจากการงดน้ำตาลมากกว่า) แต่ก็ถือว่าเป็นข้อดี ทว่าส่วนตัวอาจเป็นคนคิดโน่นคิดนี่เยอะอยู่แล้ว ผลคือรู้สึกว่าหลับสนิทหรือหลับลึกยากขึ้น มีปัญหากับการนอนพอสมควร ตื่นง่ายหลับยากไปในทำนองนั้น (เอ๊ะหรือที่จริงแก่!) สล็อต pg

และที่สำคัญด้วยการงดมื้อเย็น ช่วงแรก ๆ มีความรู้สึกหิวมารบกวน ทำให้หลับยาก หลัง ๆ ชินแล้วหลับไม่ยากไม่เกี่ยวกับหิว แต่หลับไม่สนิท ตื่นง่าย นอนต่อยากอันนี้ส่วนตัวค่อนข้างมีผล

 



ผู้ตั้งกระทู้ mii (lelemimi888-at-gmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2023-06-13 09:58:28


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.