ReadyPlanet.com


ครีมกันแดด


นื่องจากผู้บริโภคเกิดความสับสนเกี่ยวกับระดับและระยะเวลาของการคุ้มครองที่แท้จริง ข้อจำกัดการติดฉลากจึงถูกบังคับใช้ในหลายประเทศ ในสหภาพยุโรปฉลากครีมกันแดดสามารถมีค่า SPF ได้ถึง 50+ เท่านั้น (เดิมระบุเป็น 30 แต่ต่อมามีการแก้ไขเป็น 50) Therapeutic Goods Administrationของออสเตรเลียเพิ่มขีดจำกัดบนเป็น 50+ ในปี 2012 ในร่างกฎปี 2007 และ 2011 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) เสนอฉลาก SPF สูงสุดที่ 50 เพื่อจำกัดการอ้างสิทธิ์ที่ไม่สมจริง (ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2017 FDA ยังไม่ได้ใช้ขีดจำกัด SPF 50 ) คนอื่นๆ ได้เสนอให้จำกัดส่วนผสมออกฤทธิ์ให้มีค่า SPF ไม่เกิน 50 เนื่องจากขาดหลักฐานว่าปริมาณที่สูงขึ้นให้การปกป้องที่มีความหมายมากกว่า ส่วนผสมของสารกันแดดที่แตกต่างกันมีประสิทธิภาพในการต่อต้านรังสี UVA และ UVB ต่างกัน ค่า SPF สามารถวัดได้โดยการทา ครีมกันแดด บนผิวของอาสาสมัครและวัดระยะเวลาก่อนที่ผิวไหม้แดดจะเกิดขึ้นเมื่อสัมผัสกับแหล่งกำเนิดแสงแดดเทียม ในสหรัฐอเมริกาFDA กำหนดให้มีการทดสอบในร่างกาย นอกจากนี้ยังสามารถตรวจวัดในหลอดทดลองได้ด้วยความช่วยเหลือของสเปกโตรมิเตอร์ที่ ออกแบบมาเป็นพิเศษ ในกรณีนี้ วัดค่าการส่งผ่าน ที่แท้จริง ของครีมกันแดดพร้อมกับการเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์เนื่องจากการโดนแสงแดด ในกรณีนี้ ต้องมีการวัดค่าการส่งผ่านของสารกันแดดในทุกความยาวคลื่นในช่วง UVB–UVA ของแสงแดด (290–400 นาโนเมตร) พร้อมกับตารางแสดงประสิทธิภาพของความยาวคลื่นต่างๆ ที่ก่อให้เกิดผิวไหม้ (สเปกตรัมการกระทำของเม็ดเลือดแดง) และสเปกตรัม ความเข้มมาตรฐาน ของแสงแดด (ดูรูป) การวัด ในหลอดทดลองดังกล่าวเข้ากันได้ดีกับการวัดในร่างกาย



ผู้ตั้งกระทู้ พรีม :: วันที่ลงประกาศ 2023-05-10 16:22:58


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.